
สิ่งสำคัญของสาวๆ นอกจากการมีสุขภาพร่างกายที่ดี มีสภาพผิวทั้งผิวกายและผิวหน้าที่สมบูรณ์แล้ว สุขภาพของเส้นผมก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจละเลยได้ เพราะสภาพของเส้นผมนั้นสำคัญต่อบุคลิกของเรามากเช่นกัน
ดังนั้น การดูแลเส้นผมจึงเป็นเรื่องควรใส่ใจ เราจะสังเกตเห็นได้ว่าแม้ว่าจะสระผม ใช้ครีมนวดเป็นประจำ แต่ว่าเส้นผมก็ยังมีสุขภาพที่ไม่ดีอย่างใจต้องการ การทำทรีทเม้นต์จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของการดูแลสุขภาพเส้นผม
ทรีทเม้นท์กับครีมนวดผมแตกต่างกันอย่างไร?
ทั้งสองผลิตภัณฑ์นั้นออกแบบมาให้บำรุงเหมือนกัน แต่แตกต่างกันในหลายๆ เรื่องๆ ๆม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการใช้งาน ยังรวมไปถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกันมาก เพราะว่าครีมนวดผมนั้นถูกออกแบบมาเพียงแค่ให้เคลือบเส้นผมชั้นนอก
แต่ทรีทเม้นท์นั้นถูกออกแบบมาให้บำรุงเข้าไปถึงผมชั้นใน ช่วยให้ผมเงางาม นุ่มลื่นดูมีน้ำหนัก แถมยังฟื้นฟูผมเสียจากการทำสี การไดร์ด้วยความร้อนหรือการดัดอีกด้วย
ทรีทเม้นท์ผมเคราติน

เราอาจจะได้ยินชื่อของเคราตินในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ในการดูแลสุขภาพ ซึ่งการทำทรีทเม้นท์ผมนั้นเคราตินก็มีส่วนช่วยมากที่เดียว เพราะว่าเคาราตินคือโปรตีนประเภทหนึ่งที่มีความสามารถในการช่วยเข้าไปบำรุงผม เพราะเส้นผมนั้นประกอบด้วยโปรตีนเหมือนกัน
การทำเคราตินทรีทเม้นท์ก็เหมือนการเติมโปรตีนให้เข้าไปบำรุง และฟื้นฟูเส้นผมโดยตรงนั่นเอง ซึ่งการทำทรีทเม้นท์ผมเคาราตินก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพราะข้อดีของการทำทรีทเม้นท์ผมเองที่บ้านคือเราสามารถรู้ได้ว่าที่ผลิตภัณฑ์ที่นำมาบำรุงผมของเรานั้นคืออะไร ตรงกับความต้องการหรือไม่
อีกทั้งยังเป็นการประหยัดกว่าไปทำที่ร้าน การทำทรีทเม้นท์เคราตินด้วยตัวเองก็เพียงแค่เลือกผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์ผมเคราตินที่เหมาะกับสภาพผิวของเรา ซึ่งส่วนมากจะมาเป็นชุด 3 – 4 อย่างด้วยกัน ซึ่งขั้นตอนการใช้ก็อาจจะแตกต่างกันบ้าง
ส่วนถ้าใครไม่สะดวกทำเองให้ลองไปปรึกษากับร้านทำผมก่อนว่าทางร้านสามารถทำทรีทเม้นท์ผมเคาราตินแบบไหนได้บ้าง เหมาะกับสภาพผมของเรามาน้อยขนาดไหน ใช้ผลิตภัณฑ์ของอะไร
ที่สำคัญต้องทำความเข้าใจให้ได้ก่อนว่าเคราตินนั้นไม่ใช่พระเอกขี่ม้าขาวที่จะใช้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้ผมมีสุขภาพที่ดีแบบทันตาเห็นได้ การทำทรีทเม้นท์ผมยังต้องมีส่วนประกอบอื่นๆ อย่างเช่นเซรั่ม หรือครีมหมักผมเข้ามาช่วยด้วย
ทรีทเม้นท์สำหรับผมยืด

สาวๆ หลายคนที่ผมไม่ได้ตรงตามธรรมชาติ แต่ต้องการไว้ผมตรง ซึ่งทางออกก็คือการไปยืดผมนั่นเอง ซึ่งการยืดผมคือการใช้สารเคมี และความร้อนทำให้ผมตรงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งผมที่ยืดมานั้นก็ต้องยอมรับว่าเป็นผมที่มีการเสียหายเกิดขึ้น
ดังนั้น การที่จะให้เส้นผมที่ยืดมานั้นมีสุขภาพดีขึ้น ผมตรงได้นานขึ้น การทำทรีทเม้นท์สำรับผมยืดจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เช่นกัน เพราะการถ้าเปรียบกับการล้างหน้าก็เหมือนเราเช็ดคลีนซิ่ง ล้างโฟม แล้วตามด้วยครีมบำรุงผิวต่างๆนั่นเอง
การสระผมก็เช่นกัน หลังสระควรใช้ทรีทเม้นท์ในการบำรุงผมทุกครั้ง แล้วเส้นผมที่ยืดมานั้นก็จะตรงสลวย เงางาม มีน้ำหนัก มีสุขภาพดี
ทรีทเม้นท์ผมหอม
ถ้าผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมสามารถทำได้มากกว่าคือดูแลสุขภาพของเส้นผม แต่สามารถเพิ่มความหอมที่ชวนหลงไหลให้กับเส้นผมได้อีกด้วยก็คงจะเป็นอะไรที่เยี่ยมยอดไปเลย
มาดูกันว่ามีทรีทเม้นท์แบรนด์ไหนกันบ้างที่สามารถเพิ่มความหอมให้กับเส้นผมได้
Caring Treatment AHA Formula
เริ่มด้วยแบรนด์อมตะที่อยู่คู่กับคนไทยมาเนิ่นนานอย่าง Caring ที่นอกจากสรรพคุณในการบำรุงผมแล้ว ยังช่วยให้ผมของคุณหอมกลิ่นผลไม้อีกด้วย

Tsubaki Hair Mask
ด้วยน้ำมันสกัดที่บริสุทธิ์จากเมล็ดของดอกคาเมเลีย จะช่วยให้ผมคุณหอมกลิ่นดอกไม้ไปตลอดทั้งวัน

Sunsilk Natural
อีกหนึ่งแบรนด์คู่คนไทย ซึ่ง Sunsilk Natural นั้นใช้ส่วนผสมของชาเขียวอิตาลี และมะนาว ทำให้ผมของเรามีกลิ่นหอมหวานราวกับชามะนาวเลยทีเดียว

BSC Glossy Hair Treatment
นอกจากส่วนผสมอันทรงคุณค่ามากมายที่จะช่วยในการดูแลเส้นผมแล้วนั้น BSC Glossy Hair Treatment ยังช่วยให้เส้นผมของคุณโดดเด่นด้วยกลิ่นหอมจากกุหลาบที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย

Dove Treatment Mask
ขึ้นชื่อว่า Dove ย่อมมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว เมื่อร่วมด้วยคุณประโยชน์ต่างๆ ในการดูแลเส้นผม ทำให้ Dove Treatment Mask จัดเป็นทรีทเม้นท์ที่มีความหอมเฉพาะ และชวนหลงใหลอีกด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับการข้อแนะนำสหรับเรื่องการทำทรีทเม้นท์ผม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หวังว่าบทความนี้คงสร้างประโยชน์ให้กับสาวๆ ที่ต้องการดูแลเส้นผมทุกคนๆ นะ
สอบถามเพิ่มเติมสามารถแอด Line มาได้ที่
